Home » goodmedia24hr » เชื่อหรือไม่ การทำสตาร์ทอัพอาจไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด
เชื่อหรือไม่ การทำสตาร์ทอัพอาจไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด
• มิถุนายน 23, 2560 • สตาร์ทอัพ goodmedia24hr • Comments : 0
เพราะกระแสสตาร์ทอัพที่ถูกพูดถึงบ่อย ๆ ทำให้เด็กจบการศึกษาใหม่ๆอยากมองหางานทำในสตาร์ทอัพ ในอเมริกาก็มีเด็กจบใหม่มองหางานทำที่สตาร์ทอัพ ซึ่งมากกว่าบริษัทใหญ่ ๆ อยู่ร้อยละ 30 ซึ่งไม่คิดว่าบ้านเราก็เป็นไปด้วย รู้หรือไม่ว่า?? การทำงานที่สตาร์ทอัพมันไม่ได้สวยหรูและเท่อย่างที่คาดหวังไว้ เพราะคุณอาจจะได้ทำงานในองค์กรที่ไม่ค่อยเป็นทาง การแม้จะดูเหมือนมีอิสระมากกว่า แต่มันย่อมมีข้อเสียแน่นอน ซึ่งมันอาจเป็นความท้าทายที่รอคุณอยู่ จนอาจจะทำให้คุณไม่อยากทำงานสตาร์ทอัพอีกก็ได้
เงินเดือนและผลประโยชน์ไม่แน่นอน
หากคุณได้งานในสตาร์ทอัพ ควรต่อรองผลตอบแทนในช่วงที่ทำงานอยู่ ซึ่งหากอยู่ในกลุ่มสตาร์ทอัพที่ได้ทุนเยอะ ก็ยิ่งต่อรองผลตอบแทนให้มากขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่คุณสมัครด้วย แต่ถ้าเป็นสตาร์ทอัพที่ต้องควักเงินตัวเองมาลงทุน อาจทำให้ต่อรองได้น้อยหน่อย ซึ่งทำเงินเดือนอาจไม่แน่นอน ไม่เหมือนบริษัทใหญ่ๆ ที่มีมาตรฐานว่าเงินเดือนต้องอยู่ที่เท่าไหร่ ส่วนประกันสุขภาพ ทางบริษัทสตาร์ทอัพหลายเจ้าก็อาจไม่ได้มีให้ ซึ่งหากคุณอยากทำงานสตาร์ทอัพจริงๆ คุณก็มองข้ามเรื่องพวกนี้แล้วคิดให้ดีว่าคุ้มค่าหรือไม่
วัฒนธรรมองค์กรเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
วิธีที่ทำงานร่วมกันของการเป็นทีมสตาร์ทอัพ หากเป็นบริษัทใหญ่ก็คือ คุณแค่เข้าไปทำงานในวัฒนธรรมที่และมีแนวปฏิบัติกันอยู่แล้ว แต่หากคุณเป็นพนักงาน 20 คนแรกในสตาร์ทอัพ ตัวคุณนั่นล่ะที่จะร่วมเป็นคนพัฒนาวัฒนธรรมในองค์กรขึ้นมา ให้ระวังหากคุณได้งานสตาร์ทอัพเป็นงานแรก เพราะหากสตาร์ทอัพมีอัตราการลาออกสูง ก็จะทำให้วัฒนธรรมในสตาร์ทอัพเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา โดยอาจหาความแน่นอนไม่ได้จริง ๆ ซึ่งวัฒนธรรมองค์กรที่ว่านี้เป็นการ พัฒนามาจากวิธีที่คนในทีมติดต่อสื่อสารและมีการโต้ตอบกับอีกหลาย ๆ คนว่าแต่ละวันเขาทำกันอย่างไร
ไม่มีโครงสร้างตายตัว
เด็กจบใหม่ที่เพิ่งทำงานในสตาร์ทอัพอาจจะมาจากสิ่งแวดล้อมในรั้วของการศึกษาที่มีเป้าหมายชัดเจน มีอาจารย์หรือพ่อแม่คอยชี้ทางให้ แต่พอมาทำงานในสตาร์ทอัพ ทุกอย่างจะพลิกหมด เป้าหมายก็ไม่ชัดเจนเพราะสามารถเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีใครมาคุมงาน และไม่มีใครมาประเมินว่าคุณทำงานเป็นอย่างไร ยิ่งถ้าคุณเป็นเด็กใหม่ไฟแรงคุณอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่รับมือได้ยาก เพราะต้องคอยหาวิธีปรับปรุงการทำงานของตัวเองอยู่ตลอด ไม่มีอะไรมาวัดชัดเจนว่าคุณทำงานสำเร็จ ยิ่งผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพและนักลงทุนกดดันตัวสตาร์ทอัพ เพื่อทำให้เป้าหมายเปลี่ยนไปเรื่อยๆ คุณต้องเตรียมใจที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่หาความแน่นอนไม่ได้อีกด้วย เพราะไม่มีโครงสร้างองค์กรที่ชัดเจนและเปลี่ยนอยู่ตลอด ไม่มีใครบอกคุณได้ว่าใครต้องทำตามใคร บางสตาร์ทอัพทำงานโดยไม่มีหัวหน้าด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วคุณอาจจะรู้สึกดีแต่ลึก ๆ คุณเองก็อยากได้ใครสักคนมาช่วยสอนงาน และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ให้เติบโตขึ้นเช่นกัน
ถ้าคุณทำงานสตาร์ทอัพ คุณจะรู้สึกเหมือนกับว่าคุณมีเดทลายต้องปั่นงานทุกอาทิตย์ ตราบใดที่คุณยังทำงานกับสตาร์ทอัพ คุณจะได้ข้อความส่งในอีเมล์ ในแชทแอปฯตลอดเวลา เพื่อคอยบอกว่าคุณต้องทำอะไรบ้าง และมอบหมายงานให้คุณทำโดยคาดหวังว่าคุณต้องทำให้เสร็จทันเวลา นอกจากจะไม่ค่อยมีทรัพยากรบุคคลแล้ว จะทำอย่างไรหากตอนแรกคุณได้งานดี เงินดี แต่อีกไม่กี่ปี นักลงทุนเขาถอนทุนขึ้นมา อาจทำให้คุณตั้งตัวไม่ทัน ต่อให้คุณทำงานหนักขนาดไหนหรืออยู่กับสตาร์ทอัพที่มั่นคงหากไม่ตอบโจทย์เป้าหมายของสตาร์ทอัพ ไม่มีทักษะที่จำเป็น สตาร์ทอัพก็พร้อมจะเอาคุณออกได้ทันที เพราะเขาไม่อยากเสียเวลากับคนที่ไม่ทำให้สตาร์ทอัพก้าวไปข้างหน้านั่นเอง
รู้อย่างนี้แล้วยังอยากทำงานสตาร์ทอัพอยู่หรือไม่? ถ้าคิดว่ารับได้ และอยากจะเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิก ก็สามารถเข้าสู่โลกของสตาร์ทอัพที่มีแต่ความไม่แน่นอน เพราะหากพลาดเมื่อไหร่ก็ให้คิดซะว่าเป็นรสชาติของชีวิตก็แล้วกัน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น
(
Atom
)
แสดงความคิดเห็น