การทำกราฟฟิกให้สื่อความหมาย และสร้างมูลค่าเป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไป หากทำความเข้าใจอยู่เสมอ ซึ่งการทำงานกราฟฟิกดีไซน์สำหรับการออกแบบ นับว่าเป็นงานที่มีความละเอียดอ่อนในส่วนต่าง ๆ และเป็นการถ่ายทอดศิลปะผ่านเครื่องมือโดยเป็นการทำงานที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ คุณสามารถเห็นงานกราฟฟิกได้ทั่วทุกมุมโลก หรือในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกราฟฟิกออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ หรือ กราฟฟิกรูปแบบของภาพเคลื่อนไหว แบนเนอร์ โบรชัวร์ ต่าง ๆ ซึ่งการทำงานกราฟฟิกที่มีคุณค่า และสามารถสื่อความหมายนั้นต้องมีคุณสมบัติใดบ้าง ??
หลักสำคัญของการทำงานกราฟฟิก
1.กลุ่มเป้าหมาย
การจัดทำกราฟฟิกสำหรับการออกแบบแต่ละชิ้น ต้องมีการวางแผนถึงกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้บริโภคหรือผู้รับสาร ว่าจะเป็นกลุ่มคนประเภทใด อายุใด และมีความสนใจในเรื่องไหน จึงจะสามารถเข้าใจในสิ่งที่สื่อสารออกไปผ่าน รูปภาพ ตัวหนังสือ และงานกราฟฟิกดีไซน์
2. ญญะ และสัญลักษณ์ ในการสื่อความหมาย
สัญญะ คือ การใช้วัตถุ สิ่งของ สัตว์รูปร่างชนิดต่าง ๆ เข้ามาเป็นตัวแปรในการสื่อความหมายในชิ้นงาน ซึ่งยังเป็นการเพิ่มลูกๆ ให้ชวนเล่นให้คนดูคิดตามโดยอาจมีส่วนร่วมไปกับชิ้นงานของคุณ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญที่นักกราฟฟิกจำเป็นต้องมี ความคิดสร้างารรค์จากการมีชั้นเชิงในการออกแบบที่เหนือ และโดดเด่นกว่าคู่แข่ง
3.ลักษณะการใช้สี
นักออกแบบกราฟฟิกควรรู้ความหมายเกี่ยวกับสีในวรรณะต่าง ๆ ซึ่งการใช้สีในการออกแบบงานกราฟฟิก สามารถนำมาประยุกต์ใช้เข้ากับงาน เพื่อให้งานชิ้นนั้นสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน เพื่อเป็นการคุมโทนสี การใช้สีในงานแต่ละงาน ไม่ควรเกิน 3-5 เฉดสี เพื่อทำให้งานมีทิศทางไปในแบบเดียวกัน โดยไม่ใช้สีเยอะจนเกินไป แต่ต้องขึ้นอยู่กับรูปแบบของงานด้วยว่าจะทำกราฟฟิกออกมาให้เป็นคัลเลอร์ฟูล ก็อาจจะใช้สีที่หลากหลาย สีฉูดฉาด ซึ่งจะทำให้งานออกมาดูสดใส
4.การใช้ตัวหนังสือ
การใช้ตัวหนังสือในงานกราฟฟิกสำหรับการออกแบบ เป็นส่วนที่สื่อความหมายอย่างตรงตัวมากที่สุด ผู้อ่านจะต้อง ไม่ซับซ้อน และเข้าใจโดยง่าย การใช้ฟอนต์ตัวหนังสือก็ควรเลือกฟอนต์ให้เข้ากับลักษณะงานให้มากที่สุด รวมทั้งให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ ด้วย
5.ลักษณะการจัดวางเลเอาท์
ก่อนที่จะสร้างงานขึ้นมาได้แต่ละชิ้นด้วยกราฟฟิก ต้องมีการออกแบบวางโครงสร้างเสียก่อน หากต้องการสติ๊กเกอร์ติดสินค้าก็ต้องมีการออกแบบสติ๊กเกอร์สำหรับติดสินค้า ซึ่งงานกราฟฟิกก็จำเป็นต้องวางเลเอาท์ Layout ว่าในแต่ละส่วนจะนำอะไรลงไปบ้าง เพื่อเป็นการตีกรอบไม่ให้งานหลุดออกจากประเด็นที่ต้องการจะสื่อ อีกทั้งการจัดวางของพื้นที่ ที่ไม่ให้ดูรกและว่างจนเกินไปนั่นเอง
เราได้รวบรวมเคล็ดลับที่ดีที่สุดในการนำเสนอฉลากติดสินค้านำเสนอสินค้าเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผล จากการออกแบบที่ดีนั้นจะยิ่งสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ของคุณได้เป็นอย่างสติ๊กเกอร์ติดสินค้าที่ดีจำเป็นจะต้องใส่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าเสมอ ซึ่งนอกจากการส่งเสริมเรื่องแพ็คเกจจิ้งให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณแล้ว ข้อดีของการใช้สติ๊กเกอร์ติดสินค้ายังเป็นการนำเสนอสินค้าคุณภาพที่ดี ในอีกรูปแบบสินค้าด้วยแพ็คเกจจิ้งที่น่าดึงดูด ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในการซื้อของลูกค้า และนำเสนอแบรนด์คุณอย่างมืออาชีพ
สิ่งที่คุณควรมีในสติ๊กเกอร์สินค้าติดสินค้าสินค้า
การออกแบบสติ๊กเกอร์ติดสินค้าจะช่วยในการกระตุ้นยอดขายได้ดี ซึ่งหากคุณกำลังสร้างธุรกิจที่นำเสนอสินค้าสำเร็จรูปให้กับลูกค้า คุณอาจมีความจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบสติ๊กเกอร์ติดสินค้าของคุณด้วย ซึ่งอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการนำเสนอสินค้า แต่ก็เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดและจะสามารถส่งผลให้ยอดขายของคุณเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะนำข้อมูลไปใส่ไว้ในสติ๊กเกอร์สินค้าติดสินค้า คุณสามารถเริ่มการออกแบบดีไซน์ได้ทันที บนสติ๊กเกอร์ฉลากติดสินค้า ควรมีการออกแบบโลโก้ ,ชื่อของสินค้า ,คำอธิบายสั้นๆ ,บาร์โค๊ด,ชื่อโรงงาน ,ข้อมูลบริษัท ,ส่วนผสมของอาหาร
สิ่งที่ควรรู้เมื่อต้องทำสติ๊กเกอร์ติดสินค้า
1.ขนาดของสติ๊กเกอร์ติดสินค้า
ก่อนที่เราจะเริ่มออกแบบดีไซน์ฉลากติดสินค้าการออกแบบสติ๊กเกอร์ อาจต้องดูจากรูปร่างแพ็คเกจจิ้งของคุณ ควรเริ่มจากการวัดรูปร่างแพ็คเกจจิ้ง โดยองค์ประกอบที่จำเป็นต้องใช้ก็คือ สี รูปแบบ รูปร่าง ฯลฯ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จำเป็นจะต้องเลือกฉลากติดสินค้าให้เหมาะสมกับแพ็คเกจจิ้ง เมื่อคุณได้เลือกขนาดและ รูปแบบของแพ็คเก็ตจิ้งเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มออก แบบกันได้เลย!
2.รูปแบบดีไซน์สติ๊กเกอร์บนแพ็คเกจจิ้ง
เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายของสินค้าควรมีข้อมูลสินค้าที่เหมาะสมใส่ไว้ในข้อความอย่างถูกต้อง การอธิบายรายละเอียดสินค้าบนสติ๊กเกอร์ติดสินค้าของคุณถือเป็นกุญแจสำคัญที่สุดในการสร้างภาพลักษณ์เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและการออกแบบที่โดดเด่น เพื่อเพิ่มความสนใจในผลิตภัณฑ์ของคุณ ซึ่งการออกแบบถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และยังทำให้สินค้าของคุณโดดเด่นจากคู่แข่งขันอื่นๆได้อีก
3.นำเสนอข้อความด้วย Typography
ควรเลือกการใช้รูปแบบข้อความแบบ Typography ในการนำเสนอข้อความเพื่อให้ข้อความของคุณน่าสนใจ และ น่าอ่านมากขึ้น และเพื่อดึงดูดลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่ และลูกค้าที่ให้ความสำคัญในภาพลักษณ์ของตัวสินค้าเป็นพิเศษ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายและการรับรู้ของแบรนด์และ ยังสร้างความเป็นแบรนด์ของคุณได้ดีอีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดการตอบสนองลูกค้าบางกลุ่มเพื่อให้เกิดการแชร์ในโลกโซเชียลมีเดีย
4.เว้นพื้นที่ว่างเพื่อให้อ่านตัวหนังสือง่าย
ข้อความที่ใหญ่เกินไปบนสติ๊กเกอร์อาจรบกวนสายตาผู้อ่าน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับฟอนต์ที่คุณเลือกใช้ที่ต้องเหมาะสม อ่านง่าย ตัวหนังสือขนาดพอดีไม่ดูหนาหรือใหญ่เกินไป แต่หากคุณใช้ฟอนต์ที่มีความเข้ม และคม จะทำให้ดูหนาขึ้น ซึ่งจะทำให้ข้อความดูไม่น่าสนใจหรือเยอะมากจนเกินไป หากคุณเว้นช่องว่างระหว่างข้อความไว้ก็จะช่วยให้อ่านข้อความได้ง่าย และ สบายตามากยิ่งขึ้น
5.คุณภาพงานพิมพ์
การนำเสนอคุณภาพงานพิมพ์ของสติ๊กเกอร์ที่ดีที่สุดก็ไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน ในบางครั้งการเลือกรูปแบบกระดาษ หรือ รูปแบบการพิมพ์สามารถทำให้ฉลากติดสินค้าดูน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเพิ่มคุณภาพงานพิมพ์จะยิ่งทำให้สติ๊กเกอร์ติดสินค้าของคุณดูน่าสนใจ และดูแพงมากยิ่งขึ้น ด้วยรูปแบบการเคลือบงานพิมพ์ที่มันวาว หรือ การเคลือบงานพิมพ์ผิว ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการพิจารณาสินค้าของลูกค้า ที่มีหลายคนชอบเป็นการส่วนตัว
สติ๊กเกอร์ติดสินค้าบนผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันถือว่ามีความสำคัญต่อผู้บริโภคมากขึ้น เพราะนอกจากฉลากสินค้าจะเป็นตัวช่วยดึงดูดความสนใจจากการออกแบบด้วยลวดลายกราฟิกที่สวยงามแล้ว บนฉลากยังต้องประกอบไปด้วยรายละเอียดหรือข้อมูลสำคัญของผลิตภัณฑ์อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นวันที่ผลิต วันหมดอายุ รวมทั้งส่วนประกอบหรือวิธีใช้งาน ไปจนถึงคำเตือนต่างๆ อีกด้วย ซึ่งสติ๊กเกอร์ที่ปิดอยู่บนบรรจุภัณฑ์ยังเป็นพื้นที่สำหรับพิมพ์โลโก้ ชื่อแบรนด์ สโลแกนของแบรนด์ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจและทำให้แบรนด์ของคุณติดตากลุ่มผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ช่วยทำให้การตัดสินใจซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้นเพราะส่วนใหญ่ผู้ซื้อจะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่มีข้อมูลความน่าเชื่อถือบนฉลากของสติ๊กเกอร์มากกว่านั่นเอง ทำให้การติดสติ๊กเกอร์จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทต่างๆ มากขึ้น
ข้อดีของการติดสติ๊กเกอร์เพื่อการโฆษณา
เพราะฉลากสินค้ามีความสำคัญทั้งในด้านการตัดสินใจซื้อและเพื่อให้ข้อมูลของสินค้าต่อผู้บริโภค การเลือกติดสติกเกอร์ถือเป็นการทำการตลาดที่ทำงานได้รวดเร็วและมีมาตรฐานจึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรให้ความใส่ใจ รวมถึงต้องเลือกใช้เครื่องพิมพ์สติกเกอร์ที่เหมาะสม ซึ่งการติดสติกเกอร์เพื่อการโฆษณาถือเป็นการช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความรวดเร็วให้กับทุกไลน์การผลิตสินค้าต่างๆ ในแวดวงอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถติดสติ๊กเกอร์ที่เป็นฉลากสินค้าลงบนบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ รวดเร็ว และแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการติดสติ๊กเกอร์ลงบนกล่องกระดาษ กล่องพลาสติกหรือกระป๋องโลหะ ทำให้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและสวยงาม ซึ่งถือเป็นการโฆษณาไปในตัวด้วยตัวของมันเอง จากการออกแบบและใส่รายละเอียดต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบข้อมูลได้ง่ายขึ้น ถือเป็นช่องทางการทำการตลาดอย่างหนึ่งและเป็นอีกหนึ่งการโฆษณาที่ไม่ต้องลงทุนลงโฆษณาตามสื่อต่างๆ เพราะสินค้าที่ติดสติ๊กเกอร์ที่มีรายละเอียดจะสามารถพรีเซ้นต์ตัวของสินค้าได้เป็นอย่างดี
ติดสติ๊กเกอร์ดีกว่าการโฆษณาอย่างไร?
การติดสติ๊กเกอร์กลายเป็นช่องทางการขายที่มีความสะดวกสบายและ ได้รับความนิยมไม่น้อย ในปัจจุบันมีธุรกิจจำนวนมากเลือกใช้สติ๊กเกอร์เป็นตัวกลางสำหรับการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งจุดเด่นสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้การติดสติ๊กเกอร์ได้รับความนิยมคือ รูปแบบและการออกแบบที่น่ารัก สวยงาม จุดนี้เองที่ทำให้ธุรกิจต่างๆ เล็งเห็นช่องทางในการสร้างมูลค่าแถมยังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี การติดสติ๊กเกอร์ของกลุ่มธุรกิจจึงค่อยๆ เกิดขึ้นและได้รับความนิยมมากขึ้นตามไปด้วย
ข้อดีของการใช้สติ๊กเกอร์ดีกว่าการโฆษณาคือ จะทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้นและเกิดการจดจำของผู้บริโภค ด้วยการออกแบบที่สวยงามและรูปทรงที่ลงตัว อีกทั้งยังเป็นเอกลักษณ์ของสินค้า ความสวยงามของสติ๊กเกอร์ก็เหมือนกับเป็นการโฆษณาไปในตัว ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้จักธุรกิจมากขึ้นเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการเห็นสติ๊กเกอร์บ่อยเข้ามันก็ทำให้เกิดการจดจำของผู้บริโภคไปโดยปริยาย เมื่อผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าในประเภทเดียวกันก็จะทำให้นึกถึงธุรกิจของคุณก่อนนั่นเอง
เพราะฉลากสินค้าเป็นตัวบ่งบอกถึงแบรนด์ของสินค้า ที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจ ของสินค้า ทำให้ในชีวิตประจำวันเราสามารถพบเห็นฉลากสินค้าได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นฉลากยา ฉลากอาหาร หรือฉลากเครื่องสำอาง รวม ทั้งฉลากสินค้าอื่น ๆ การใช้ฉลากสินค้า ถือได้ว่ามีความสำคัญอย่างมากเพราะอย่างน้อยเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะส่งผลทำให้เพิ่มยอดขายขึ้นด้วย มาดูประโยชน์ของการออกแบบฉลากสินค้าให้ปังกันดีว่า..ว่าจะถูกใจผู้บริโภคได้อย่างไร
ฉลากสินค้าทำให้มีความน่าเชื่อถือ
ฉลากสินค้าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับสินค้าบางชนิด ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ใช้กับบรรจุภัณฑ์ซึ่งเรียกได้ว่ามีความจำเป็นที่จะต้องติดฉลากสินค้าเพื่อเป็นการบ่งบอกแบรนด์ ซึ่งฉลากจะต้องบอกข้อมูล ประเภท วิธีใช้ และ รูปลักษณ์ของผลิต ภัณฑ์นั้นๆ ทำให้การออกแบบฉาก และการเลือกวัสดุการพิมพ์นับว่าฉลากติดสินค้ามีความสำคัญต่อเจ้าของสินค้ามาก เพราะฉลากที่เป็นสติ๊กเกอร์บางชนิดอาจจะไม่เหมาะกับสินค้านั้นๆ ก็ได้ ซึ่งการออกแบบพิมพ์ฉลากสินค้าต้องคมชัด ดูโดดเด่น สะดุดตา และต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน ซึ่งลูกค้าเห็นฉลากแล้วต้องดูมีความน่าเชื่อถือ และน่าซื้อสินค้านั้นๆ ซึ่งหากพิมพ์ฉลากสินค้าออกมาได้ดีอาจส่งผลต่อยอดขายสินค้าได้
ฉลากสินค้าช่วยแสดงตัวตนของผลิตภัณฑ์
การออกแบบฉลากสินค้าสำหรับติดในผลิตภัณฑ์ เป็นการบอกข้อมูลที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดต่างๆ ของผลิต ภัณฑ์,วันหมดอายุ ,ข้อห้าม, อย. ,เลขที่จดแจ้ง นอกจากนี้ฉลากสินค้ายังมีไว้บ่งบอกสัญลักษณ์ หรือรูปลักษณ์ของสินค้า อีกทั้งยังมีไว้ช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้า ด้วยการออกแบบฉลากที่ดีมีความสวยงามซึ่งยังแสดงสรรพคุณของผลิตภัณฑ์เพื่อให้แตกต่างจากคู่แข่งจากการออกแบบที่ดี ซึ่งการออกแบบฉลากสินค้าเป็นหนึ่งในบรรจุภัณฑ์ ในความสำคัญของฉลากสินค้าถือเป็นการแสดงตัวตนของผลิตภัณฑ์นั้นๆ และยังช่วยบ่งบอกถึงความแตกต่างระหว่างสินค้าประเภทเดียวกัน อีกทั้งฉลากสินค้ายังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้การติดฉลากยังแสดงถึงประโยชน์ และวิธีใช้ ของผลิตภัณฑ์ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจที่จะซื้อ และทำให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงชนิดของผลิตภัณฑ์
แนวความคิดในการออกแบบฉลากสินค้า
การออกแบบฉลากสินค้า ต้องให้มีความน่าสนใจ มีความดึงดูด ที่สำคัญต้องมีคุณภาพในการพิมพ์ที่ดี และต้องมีการพัฒนาหรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของฉลากสินค้าตลอดเวลา การออกแบบฉลากสินค้า จะต้องประกอบไปด้วยตราสินค้า เพื่อทำการออกแบบชื่อหรือตราสินค้าของผลิตภัณฑ์นั้นๆ โดยเป็นการแสดงด้วยตัวอักษร และหรือสัญลักษณ์ของภาพซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสินค้าแต่จะมีลักษณะโดดเด่น ชัดเจน เป็นการออกแบบที่เหมาะสม และจดจำง่าย การออกแบบฉลากสินค้ามีแนวคิดมาจากตัวผลิตภัณฑ์เพื่อทำให้ผู้บริโภคทราบว่าผลิตภัณฑ์ที่บรรจุอยู่ภายใน คืออะไร
การออกแบบฉลากที่ดีควรเน้นข้อดีที่พิเศษของผลิตภัณฑ์ หรือความแตกต่างจากตราสินค้าชนิดอื่น โดยต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายหรือคนที่ซื้อผลิตภัณฑ์ว่าคือใคร ซึ่งการออกแบบของฉลากสินค้าบนบรรจุภัณฑ์ จะต้องทำหน้าที่เป็นจุดขายสินค้าได้เป็นอย่างดี
พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่คือการเลือกซื้อสินค้าที่มีแบรนด์น่าเชื่อถือ ซึ่งสิ่งที่มีผลต่อการเลือกซื้อเป็นอันดับแรกๆ ส่วนใหญ่จะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม แน่นหนารวมทั้งฉลากสินค้าที่มีข้อมูลของผลิตภัณฑ์ครบถ้วน เพราะสินค้าที่มีรายละเอียดบนฉลากผลิตภัณฑ์จะส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับรู้ข้อมูลที่จำเป็นและยังช่วยให้การตัดสินใจเลือกซื้อง่ายขึ้นนอกจากนี้ยังทำให้ผู้
บริโภคสามารถนำไปเปรียบเทียบกับสินค้าตัวอื่นในประเภทเดียวกันได้อีก เรียกได้ว่าฉลากสินค้ามีความสำคัญไม่น้อย แต่ก็มีหลายคนสงสัยว่าแล้วฉลากสินค้าต่างจากการใช้งานสติ๊เกอร์สินค้าอย่างไร??
ลักษณะแบบไหนที่จะเรียกว่า สติ๊กเกอร์ และฉลากสินค้า
สติ๊กเกอร์สินค้า
สติ๊กเกอร์สินค้า จะเน้นข้อความคือ ชื่อสินค้า/Brand สินค้า เบอร์โทรฯ หรืออาจจะมี บอกชื่อรสหรือชนิด เพิ่มอีกสักนิดเพราะเนื่องจากขนาดสติ๊กเกอร์ที่ใช้ ส่วนใหญ่จะมีขนาดไม่เกิน 5 ซม. ทำให้เน้นข้อมูลน้อย แต่หากสินค้าใหญ่กว่านั้นขนาดของสติ๊กเกอร์ก็จะใหญ่ขึ้นตามไปด้วย
ฉลากสินค้า
สำหรับฉลากสินค้าจะเน้นข้อมูลเยอะๆ กว่าซึ่งส่วนใหญ่ จะออกแบบ หน้า-หลัง แยกกัน จะเป็นกลุ่มสินค้าที่ต้องการใส่รายละเอียดค่อนข้างเยอะ อย่างส่วนประกอบ/ อย. ที่ได้รับความนิยม ก็คือ เครื่องสำอาง อาหารญี่ปุ่น ซึ่งจำเป็นต้องบอกให้ละเอียดและถูกต้อง
การใช้สติ๊กเกอร์ติดสินค้า
เหตุผลหลักๆ คือ เรื่องการสร้างแบรนด์ เพราะการติดสติ๊กเกอร์สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นชื่อของยี่ห้อ แบรนด์ ชื่อสินค้า โลโก้ ฯลฯ ซึ่งเจ้าของกิจการมักอยากสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองเพื่อให้ลูกค้าได้จดจำสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้ดี จะทำให้มีการบอกต่อ ซึ่งการติดสติ๊กเกอร์สินค้า สามารถออกแบบ เลือกรูป หรือข้อความให้กระชับ จดจำง่าย และโดดเด่น ซึ่งการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการติดสติ๊กเกอร์สินค้า ที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กับธุรกิจเพื่อรองรับความก้าวหน้าของธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้การเลือกติดสติ๊กเกอร์ติดสินค้า ยังเป็นการบอกรายละเอียดที่เป็นข้อมูลของสินค้าที่เป็นประโยชน์ ให้ผู้บริโภคได้ทราบ เพื่อส่งผลทำให้ลูกค้าได้กลับมาซื้อซ้ำอีกครั้งในอนาคต และทำให้ไม่เป็นของที่ดูเหมือนเป็นสินค้าธรรมดาทั่วไป ซึ่งจะทำให้สินค้ามีความน่าสนใจในการดึงดูดสายตาต่อผู้บริโภคมากกว่าที่ไม่ติดสติ๊กเกอร์สินค้า และยังสร้างความน่าเชื่อถือของสินค้านั้นๆได้เป็นอย่างดี
การใช้ฉลากสินค้า
การเลือกใช้ฉลากสินค้าคือการบอกข้อมูลที่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับตัวสินค้านั้นๆ อาจใช้การพิมพ์ลงบนวัสดุที่ติดกับสินค้านั้นๆ ซึ่งนอกจากมีการบอกสินค้าที่บรรจุภายในบรรจุภัณฑ์แล้ว ฉลากที่ติดอยู่กับบรรจุภัณฑ์จะมีข้อความต่างๆ ที่ระบุตามข้อกำหนด โดยจะบอกรายละเอียดกับผู้ซื้อหรือผู้บริโภค คือ
1. ชื่อ ประเภทสินค้า กรณีนำเข้าให้ระบุประเทศที่ผลิต
2.เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในไทย
3.เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในไทยของผู้นำเข้าเพื่อขาย
4. สถานที่ตั้งของผู้ผลิต หรือผู้สั่งหรือนำเข้าเพื่อขาย
5. ขนาดหรือปริมาณหรือปริมาตรหรือน้ำหนักของสินค้า
6. วิธีใช้
7. ข้อแนะนำการใช้หรือห้ามใช้
8. คำเตือน (ถ้ามี)
9. วัน เดือน ปี ที่ผลิต หรือหมดอายุ
10. ราคาระบุหน่วยเป็นบาท
การทำสติ๊กเกอร์สินค้าของตัวเองสำหรับผู้เริ่มต้นนั้น มีหลายคนที่เริ่มทำธุรกิจมักจะต้องหาข้อมูลก่อนทำสติ๊กเกอร์สินค้าว่าจะทำอย่างไร? ออกแบบอย่างไรดี? ยิ่งหากเพิ่งเริ่มทำกิจการเล็กๆน้อยๆ แต่อยากมี สติ๊กเกอร์โลโก้ร้านแปะกับเขาบ้าง ซึ่งความจริงแล้วสติ๊กเกอร์ติดสินค้าสำคัญไม่น้อย ซึ่งสติ๊กเกอร์สินค้าอาจจะพิมพ์โลโก้และเบอร์โทรจะช่วยทำให้คนอื่นรู้จักสินค้าคุณมากขึ้น
หากต้องการให้สินค้าเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นสินค้าออนไลน์ หรือขายตามหน้าร้าน การใช้สติ๊กเกอร์สินค้าถือว่าจำเป็นเพราะสินค้าจะต้องเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยจะต้องออกแบบก่อน ซึ่งจะต้องสร้างสติ๊กเกอร์สินค้าให้เป็นที่จดจำ รวมทั้งการเลือกใช้สีที่เหมาะสม ขนาด รูปทรงของสติ๊กเกอร์สินค้า แต่ข้อสำคัญคือในการออกแบบของสติ๊กเกอร์ จะต้องมีรายละเอียดต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ
ข้อมูลที่ควรจะมีบนสติ๊กเกอร์สินค้า ควรมีอะไรบ้าง?
คุณเคยสังเกตไหมว่า..สินค้าบางชิ้นที่ติดสติ๊กเกอร์บางทีไม่ได้บอกอะไรให้ลูกค้าทราบมากมาย จะมีแต่ก็เพียงชื่อสินค้า หรือโลโก้เล็กๆ แค่นั้น อีกทั้งการออกแบบและการจัดวางสติ๊กเกอร์ติดสินค้าก็ทำได้ไม่ดีนัก ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลให้กับยอดขายที่อาจจะไม่กระเตื้องขึ้น การที่สินค้าไม่มีรายละเอียดใดๆ ก็จะทำให้สินค้านั้นๆไม่เป็นที่น่าสนใจหรือดึงดูดใจมากนัก ซึ่งหากต้องการให้สินค้าของคุณเป็นที่น่าจดจำ และช่วยเพิ่มยอดขาย การออกแบบสติ๊กเกอร์ติดสินค้า อาจจะต้องออกแบบโลโก้ และมีเบอร์ติดต่อกลับที่ชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าของคุณหรือคนอื่นๆ ได้ติดต่อกลับได้ง่าย การออกแบบโลโก้ต้องง่ายต่อการจดจำ สีไม่เยอะเกินไป โลโก้ไม่เล็ก ที่สำคัญคือขนาดของสติ๊กเกอร์ติดสินค้าต้องเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ด้วย ซึ่งสติ๊กเกอร์ติดสินค้า นอกจากจะมีโลโก้สินค้าเพื่อสร้างความจดจำในชื่อสินค้าและเบอร์โทรติดต่อแล้ว ยังต้องมีชื่อสินค้าเพื่อให้ผู้บริโภคได้ทราบว่าสินค้าของคุณคือแบรนด์อะไร รวมทั้งรายละเอียดข้อมูลสินค้าหรือวิธีการใช้อย่างถูกต้อง,แหล่งผู้ผลิตและผู้จำหน่าย สำคัญมากเพราะจะสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าได้มาก,ตรารับรองคุณภาพ (ถ้ามี) ,ชื่อบริษัท,เบอร์โทรศัพท์,ชื่อเว็บไซต์,อีเมล์ ปริมาณ และราคาขาย
หากสินค้านั้นติดตลาดแล้วหรือมีคนรู้จักเยอะแล้วการได้ติดสติ๊กเกอร์ที่มีองค์ประกอบครบแบบนี้ย่อมจะทำให้กลายเป็นที่จดจำได้ง่าย เรียกว่าแค่เห็นโลโก้ที่เป็นสัญลักษณ์ของสินค้านั้นแล้วก็สามารถตัดสินใจซื้อได้อย่างไม่ลังเลเลยทีเดียว แต่สำหรับร้านค้าเล็กๆ หรือธุรกิจขนาดย่อมหากไม่มีข้อมูลในสติ๊กเกอร์ติดสินค้าที่มากพอจะทำให้สินค้านั้นเป็นที่น่าสนใจหรือดึงดูดได้หรือไม่?? ซึ่งความจริงแล้วสามารถทำได้ เพียงแต่ว่าลูกค้าจะได้อะไรและจดจำได้แค่ไหน เพราะสิ่งที่ลูกค้าอยากให้มีข้อมูลในสติ๊กเกอร์ติดสินค้าก็คือรายละเอียดต่างๆ อย่างที่เราได้กล่าวเอาไว้แล้วนั่นเอง
พื้นที่การพิมพ์สติ๊กเกอร์ในระบบดิจิตอลออฟเซ็ท ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อย ซึ่งการเลือกขนาดของสติ๊กเกอร์สำหรับติดสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ ขนาดที่ใช้จะช่วยทำให้ชัดเจนต่อสินค้านั้นๆมากขึ้น ซึ่งทุกอย่างจะต้องลงตัวและเหมาะสมที่สุด การเลือกขนาดของสติ๊กเกอร์จะต้องมีความบลานซ์กับสินค้าแบบที่ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ซึ่งการติดสติ๊กเกอร์นั้น ทางเจ้าของธุรกิจต้องทราบอยู่แล้วว่ามีความสำคัญและความหมายกับแบรนด์แค่ไหน การที่จะทำให้คนจดจำสินค้าคุณได้ง่ายขึ้น ขนาดของสติ๊กเกอร์จึงเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะทำให้สินค้าเป็นที่น่าจดจำมากขึ้น
หากเจ้าของกิจการกำลังสนใจจะทำสติ๊กเกอร์ ไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้าเพื่อติดกับผลิตภัณฑ์ หรือเป็นสติ๊กเกอร์ โลโก้ อาจจะสงสัยเรื่องจำนวนของสติ๊กเกอร์ว่าหากใช้งานหนึ่งตารางเมตรจะได้จำนวนมากน้อยเท่าไหร่ ได้กี่ชิ้น กี่ดวง ต่อแผ่น ความจริงแล้วหากต้องการทราบว่าจะได้จำนวนของสติ๊กเกอร์ต่อแผ่นนั้นเท่าไหร่ ผู้ให้บริการอาจบอกทันทีไม่ได้เพราะจะต้องดูด้วยว่าขนาดของสติ๊กเกอร์ที่ออกแบบให้กับผลิตภัณฑ์นั้นๆ จะต้องใช้ขนาดเท่าไหร่ก่อน ซึ่งถือว่ามีความจำเป็น มากที่จะต้องทราบว่าขนาดของสติ๊กเกอร์ที่จะใช้ติดสินค้านั้นต้องการขนาดไหน เส้นผ่าศูนย์กลางเท่าไหร่หกเป็นวงกลม หรือหากเป็นสี่เหลี่ยมต้องใช้กว้างคูณยาวเท่าไหร่
รูปทรงและขนาดของสติ๊กเกอร์ติดสินค้าจำเป็นแค่ไหน?
นอกจากสติ๊กเกอร์ติดสินค้าจะบอกชื่อแบรนด์ และบอกแหล่งผลิต บอกชื่อสินค้า หรือเบอร์ติดต่อแล้ว ฯลฯ ขนาดของสติ๊กเกอร์จะมีส่วนทำให้สินค้าน่าซื้อได้เป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบรูปทรงและขนาดของสติ๊กเกอร์ติดสินค้าที่ถือว่ามีความสำคัญเช่นกัน การใส่ข้อมูลในงานตามรูปแบบจะมีผลต่อการออกแบบและขนาดของสติ๊กเกอร์อย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ก็ต้องให้สัมพันธ์กับสินค้าด้วย เพราะสติ๊กเกอร์ติดสินค้าส่วนใหญ่จะมีพื้นที่ที่ต้องการไม่ค่อยใหญ่มาก หรือบางครั้งอาจขึ้นอยู่กับขนาดของสินค้า และหากจำเป็นต้องใส่ข้อมูลค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่จะนิยมใช้รูปแบบแบบเหลี่ยมซึ่งจะเป็นการใช้พื้นที่แบบเต็มๆ โดยไม่เสียพื้นที่เปล่าเหมือนรูปทรงอื่นๆ ส่วนขนาดของสติ๊กเกอร์ติดสินค้าหากข้อมูลมากก็ต้องให้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาสักหน่อยแต่ก็ให้เหมาะสมกับสินค้าด้วย
ส่วนรูปทรงที่นิยมกันมากจะเป็นสติ๊กเกอร์ติดสินค้ารูปทรงกลม หรือทรงรี เพราะบรรจุภัณฑ์อย่างเครื่องสำอางในปัจจุบัน จะมีรูปทรงกลมหรือทรงรี ทำให้รูปทรง ของสติ๊กเกอร์ติดสินค้าวงกลมกับวงรีได้รับความนิยมมาก หากลูกค้าต้องการรูป แบบอื่นๆ ก็สามารถออกแบบดีไซน์ให้ดูเก๋สวยงามได้โดยเลือกขนาดของสติ๊กเกอร์ให้เหมาะสม สติ๊กเกอร์ส่วนใหญ่ที่จะต้องทำการไดคัท ทำให้ต้องใช้พื้นที่สำหรับการสร้าง Register Mark สำหรับให้เครื่องไดคัทโดยสติ๊กเกอร์จะอ่าน และทำการไดคัทตามที่กำหนดไว้ตามที่กำหนด หากทำสติ๊กเกอร์ไดคัทอย่าลืมว่าจะต้องเสียพื้นที่สำหรับการสร้าง Register Mark ให้เครื่องตัดสติ๊กเกอร์ด้วยและพื้นที่การพิมพ์จะสามารถพิมพ์สติ๊กเกอร์ได้จำนวนมากน้อยเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับขนาดและรูปทรงของงานที่ลูกค้าต้องการ
สรุปก็คือขนาดของสติ๊กเกอร์มีส่วนสำคัญและจำเป็นต่อสินค้ามาก เพราะหากเล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไปกว่าแพ็คเก็จของสินค้า อาจทำให้สินค้าดูไม่น่าสนใจและไม่น่าซื้อได้
โลโก้ก็คือตราสัญลักษณ์ที่เป็นรูปทรงหรือรูปแบบเฉพาะของแบรนด์หรือสินค้าแต่ละอย่างที่ส่วนใหญ่จะไม่ซ้ำใคร เป็นเอกลักษณ์ที่ออกแบบมาชัดเจน เห็นแล้วจำได้ทันทีหรือนึกออกทันทีว่าเป็นใคร แบรนด์อะไร และ คือสิ่งที่คุณจะบอกลูกค้าของคุณได้ว่า คุณแตกต่างจากเจ้าอื่น อะไรที่จะทำให้คุณโดดเด่นขึ้นมา อีกทั้งยังสามารถทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นทำให้จดจำได้รวดเร็วขึ้น มาดูประโยชน์ของโลโก้ว่า.ทำไมจึงสำคัญและมีความจำเป็นต่อธุรกิจมากเหลือเกิน
1.สร้างความประทับใจเมื่อแรกเห็น
First Impression หรือความประทับใจเมื่อแรกเห็น สำหรับ โลโก้จะต้องดูดี น่าดึงดูด น่าประทับใจ เหมาะสม และน่าจดจำง่าย ทำให้ลูกค้าที่มีกำลังซื้อเมื่อประทับใจต่อโลโก้ และเกิดความไว้ใจที่จะทำให้ รู้สึกดีต่อแบรนด์ ซึ่งจะส่งผลให้มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าหรือบริการมากขึ้น
2.มีเสน่ห์น่าดึงดูด
Attracting more หรือเสน่ห์ที่น่าดึงดูด มีส่วนทำให้ผู้คนมากมายที่กำลังมองหาสินค้าและบริการที่ต้องการรู้สึกอยากเข้ามาสัมผัสและตัดสินใจที่จะเลือกซื้อสินค้าในช่วงเวลาอันน้อยนิด การมีโลโก้ จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่มีผลในการตัดสินใจต่อผู้ซื้อมากขึ้น ยิ่งโลโก้มีคุณภาพ ก็ยิ่งดึงดูดผู้คนสนใจและไว้ใจได้มากขึ้น คนซื้อจะมีแนวโน้มที่จะเลือกที่โลโก้ที่ใหญ่และชัดเจนมากกว่า
3.สร้างแบรนด์
Branding หรือการสร้างแบรนด์ด้วยโลโก้ ถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแบรนด์ โลโก้ที่ดีที่จะสะท้อนตัวตนที่เหมาะสม ของแบรนด์นั้นออกมาอย่างชัดเจน ทำให้ผู้บริโภครู้ได้เร็วและง่ายต่อการสร้างความน่าจดจำ นำมาซึ่งยอดขายที่มากขึ้น สินค้าทุกอย่างที่สัมผัสจะต้องมีตราโลโก้ให้ลูกค้าเห็นได้มากที่สุด ซึ่งจะก่อให้เกิดบรรยากาศของแบรนด์ขึ้นมาเพื่อสร้างความประทับในใจของลูกค้าและผู้พบเห็นได้
4.เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานของวงการ
Expectation หรือเพื่อเป็นไปตามมาตรฐานในวงการ ซึ่งในบางวงการหรือบางอุตสาหกรรม จำเป็นต้องมีโลโก้ที่เป็นมาตรฐานอย่าง วงการกีฬาระดับสโมสรลีก รวมทั้งแบรนด์ของสินค้าต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคจดจำได้ง่ายขึ้น ซึ่งยังส่งผลต่อยอดขายอีกด้วย
5.ความภักดีของลูกค้า
Loyalty หรือการรักษาความภักดีของลูกค้า ซึ่งการรักษาภาพพจน์เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะเก็บรักษาลูกค้าผู้ภักดีไว้ให้นานที่สุด นอกเหนือจากสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าภูมิใจและบอกต่อ เมื่อใช้บริการหรือซื้อสินค้าที่มีภาพพจน์ดี หรือมีโลโก้ที่สวยน่าเชื่อถือ
6.ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า
โลโก้ที่เป็นที่จดจำได้ดีจะเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ มากขึ้น หากองค์กรต้องการเงินทุนเพิ่มจากนักลงทุน หรือหากต้องการขายกิจการก็สามารถเรียกมูลค่าได้มากขึ้นจากโลโก้ของกิจการ
เหล่านี้ต่างก็เป็นความสำคัญของโลโก้ ที่เจ้าของธุรกิจต้องใส่ใจในการออกแบบและสร้างสรรค์เพื่อให้โลโก้สื่อสารถึงความหมาย และตัวตนของแบรนด์ หรือธุรกิจออกมาให้มากที่สุด เพื่อการจดจำและนำไปสู่การซื้อจากลูกค้ามากขึ้น
